10 ที่เที่ยวสังขละบุรี 2 วัน 1 คืน สไตล์ชาวแค้มป์ 2022

 

บทความนี้ เราจะมารีวิว ที่เที่ยวสังขละบุรี 2 วัน 1 คืน แบบฉบับชาวแค้มป์ เพื่อ สไตล์การเที่ยวพักผ่อนที่กำลังมาแรงในตอนนี้

 "สะพานไม้ ด่านเจดีย์ นทีสามประสบมรดกทุ่งใหญ่ ไทย กระเหรี่ยง รามัญ สารพันธรรมชาติ อภิวาทหลวงพ่ออุตตมะ เมืองสังขละชายแดน สุดแคว้นตะวันตก"  คำขวัญเมืองสังขละบุรี อีก 1 เมืองที่ขึ้นชื่อในความมหัศจรรย์ของความแตกต่างและสอดประสานกลมเกลียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสวยงามของสายหมอกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาล  เป็นดินแดนที่เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำ ๓ สายมาสบกัน และยังความสวยงามของวัฒนธรรมและความเชื้อชาติที่อยู่ร่วมกันจนเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย

 

10 ที่เที่ยวสังขละบุรี ที่คุณห้ามพลาด ตามสไตล์สายเขียว

 

        สารบัญท่องเที่ยว
  1. น้ำตกไดช่องถ่อง

  2. จุดชมวิวป้อมปี่

  3. จุดกางเต็นท์บ้านน้ำฟ้า

  4. สะพานมอญ

  5. หมู่บ้านมอญสังขละบุรี

  6. วัดวังก์วิเวการาม วัดหลวงพ่ออุตตมะ (วัดใหม่)

  7. วัดใต้น้ำ (วัดวังก์วิเวการามหลังเก่า)

  8. วัดศรีสุวรรณเก่า

  9. วัดสมเด็จเก่า

  10. ด่านเจดีย์ 3 องค์ 

 

1.น้ำตกไดช่องถ่อง

เดินป่าชมสายน้ำตกสุดอลังการกลางผืนป่า อช.เขาแหลม“น้ำตกไดช่องถ่อง” น้ำตกหินปูนที่ไหลลดหลั่นกันเป็นม่านน้ำสูง 5 ชั้น 

น้ำตกแห่งนี้ เป็น ที่เที่ยวสังขละบุรี ที่นับว่าเป็นจุดแวะผ่านก่อนถึงสังขละบุรี  เพราะว่า น้ำตกไดช่องถ่องนี้ อยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม

การเข้าไปเยี่ยมชมความงามของ น้ำตกไดช่องถ่อง เราต้องเดินป่าเข้าไปเป็นระยะทาง 600 เมตร  ก็จะพบกับ ม่านน้ำตกที่มีความสวยงามอลังการกลางผืนป่าอันร่มรื่น ไหลลดหลั่นจากหน้าผาสู่แอ่งเบื้องล่าง แล้วไหลลงสู่ทะเลสาบเขื่อนแม่กลอง

 

2.จุดชมวิวป้อมปี่

ทะเลสาบแห่งกาญจนบุรี  ดินแดนสวรรค์ของชาวแค้มปปิ้งทั้งหลายที่นอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติอันแสนร่มรื่นและเงียบสงบแล้ว แล้วยังได้รูปถ่ายสวยๆ ตามมุมต่างๆ อีกเพียบ

ป้อมปี่ เพี้ยนมาจากคำว่า ‘เปอปี่’ เป็นภาษากะเหรี่ยง หมายถึง ‘ต้นอ้อ’ เพราะในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ์แห่งนี้เต็มไปด้วยดงอ้อขึ้นอยู่ริมฝั่งน้ำ

จุดชมวิวนี้เหมาะเป็นจุดแวะพักอีก 1 จุด สำหรับใครที่กำลังจะมุ่งหน้าไป เที่ยวสังขละบุรี หรืออาจจะแวะขากลับเพื่อเก็บภาพวิวพระอาทิตย์ตกดินที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่ก็ได้

 

3.จุดกางเต็นท์บ้านน้ำฟ้า ชมวิวสะพานมอญจากมุมสูง

เป็นลานกางเต้นท์เอกชนที่เราจะเห็นวิวเมืองมอญแห่งกาญจนบุรีในมุมสูง  อีกทั้งยิ่งในช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกจะเป็นช่วงเวลา Prime time ของ จุดกางเต็นท์แห่งนี้เลย   ที่นี่มีส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นห้องอาบน้ำรวมที่สะอาดใช้ได้  มีซุ้มนั่งชมวิว และแสงไฟสไตล์ warm light ที่ขับกล่อมให้บรรยากาศในยามค่ำคืนดูอบอุ่นมากขึ้น

ค่าบริการกางเต็นท์ที่นี่ คนละ 100 บาทเท่านั้น  ติดต่อ : 092 559 9154  หรือเพจ บ้านน้ำฟ้า สะพานมอญ สังขละบุรี กาญจนบุรี ได้เลย

 

4.สะพานมอญ จุดเช็คอินห้ามพลาดใน ที่เที่ยวสังขละบุรี

สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาว 850 เมตร เป็นสะพานไม้ที่ใช้ข้ามระหว่างดินแดนสังขละบุรี-หมู่บ้านมอญ ที่มีแม่น้ำสามสายที่ไหลตัวมารวมกันกั้นกลาง จนดินแดนแห่งนี้ได้ฉายาว่า 3 ประสบ แม่น้ำ 3 สาย นี้ก็คือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบิคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมาจบกันจนกลายเป็นแม่น้ำแคว  เป็นจุดเช็คอินไฮไลต์ที่คนไปเที่ยวสังขละบุรีต้องไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของชาวมอญ โดยเฉพาะการไปเดินชมวิวหมอกในยามเช้าที่สะพานมอญ  และเช่าชุดชาวมอญตักบาตรในยามเช้า  จากนั้นก็ได้เวลาไปลิ้มรสรู้จักชาวมอญผ่านอาหารกันแล้ว ซึ่งของกินที่เป็นของชาวมอญขนานแท้ที่ควรลองให้ได้เราขอแนะนำ ได้แก่ 

  • ขนมจีนมอญ ซึ่งเป็นขนมจีนน้ำยาหยวกกล้วยดั้งเดิม มีน้ำมะขามเปียกวางใส่ถ้วย สำหรับใช้แทนน้ำส้มสายชู มีพริกป่นไว้เพิ่มความเผ็ด ผักสดเติมได้ไม่อั้น
  • ปาท่องโก๋มอญ ชิ้นใหญ่กรอบมาก สายของทอดชอบแน่นอน
  • โรตีโอ่ง กินคู่กับ แกงฮังเลมอญ
  • หมูจุ่มพม่า น้ำจิ้มรสเด็ด เป็นหมูจิ้มจุ่มแบบพม่าขนานแท้ ทำจากหัวหมู และเครื่องในหมู เสียบไม้จุ่มในหม้อใบใหญ่ที่มีน้ำซุปร้อนๆ  ราคาเพียงไม้ละ 1 บาทเท่านั้น เราสามารถไปซื้อและหยิบกินเพลินๆได้เลย ทางร้านเขาจะให้น้ำซุป 1 ถ้วย และน้ำจิ้ม 2 ถ้วย

 

5.หมู่บ้านมอญสังขละบุรี ที่เที่ยวสายวัฒนธรรมของ สังขละบุรี

นั่งเรือเข้ามาชมหมู่บ้านชาวมอญ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณช่องเขาขาด เป็นชุมชนที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ดั้งเดิม จากนั้นเดินเท้าในการเที่ยวชมหมู่บ้าน ที่นี่จะมีไกด์พื้นที่คอยนำทางอธิบายวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวมอญตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัด โรงเรียน ชุมชน หมู่บ้าน สถานที่สำคัญต่างๆ และสามารถแวะซื้อของฝากจากชาวบ้านที่ทำกันมาขายได้ ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินเที่ยวชมราว 2 ชั่วโมง

 

6.วัดวังก์วิเวการาม วัดหลวงพ่ออุตตมะ (วัดใหม่)

“วัดวังก์วิเวการาม” (วัดใหม่) หรือ “วัดหลวงพ่ออุตตมะ” ที่ทุกคนรู้จัก เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาของชาวไทยและชาวกระเหรี่ยง โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายมอญ เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็นเสมือน “เทพเจ้าแห่งชาวมอญ”

โดยของวัดใหม่แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา หลังจากที่มีการสร้างเขื่อนเก็บน้ำเขาแหลมโดยการไฟฟ้า โดยชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ที่จะถูกน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อน หลวงพ่ออุตตมะ ก็ได้อพยพชาวบ้านมาไว้ที่นี่ และยังมอบที่ทำกินให้แก่ชาวบ้านครอบครัวละ 30 ตารางวา ที่แห่งนี้จึงกลายเป็นพื้นที่วัฒนธรรมชาวมอญ พม่า และชาวไทย ที่อยู่ร่วมกันมาอย่างช้านาน

วัดแห่งนี้จึงเป็นเสมือนตัวแทนของหลวงพ่อ สถานที่สำคัญภายในวัดมีอยู่หลายอาคาร เช่น

  • เจดีย์พุทธคยาจำลอง เจดีย์สีทองอร่าม มองเห็นแต่ไกล จำลองแบบมาจากมหาเจดีย์พุทธคยาที่ประเทศอินเดีย ด้านหน้ามีบันไดทางขึ้นสู่ฐานของเจดีย์ มีรูปปั้นสิงห์คู่ตัวใหญ่เป็นศิลปะมอญที่เชื่อว่าคอยปกป้องเจดีย์อยู่สองข้างบันไดระหว่างทางขึ้น มีรอยพุทธบาทจำลองและรูปหล่อหลวงพ่ออุตตมะให้กราบไหว้สักการะ ฐานเจดีย์สามารถเดินได้รอบและมีพระประจำวันเกิดให้กราบไหว้
  • ปราสาทเก้ายอด เป็นโรงบรรจุสังขารของหลวงพ่ออุตตมะโดยมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ศิลปะของชาวมอญ
  • วิหารพระหินอ่อน ด้านในมีพระองค์ใหญ่ให้สักการะ เป็นพระพุทธรูปหินอ่อนที่แกะจากหินอ่อนก้อนเดียว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่หลวงพ่ออุตตมะสั่งทำขึ้นจากที่พม่า และด้านในยังมี งาช้างแมมมอธและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่ออุตตมะให้เราสักการะอีกด้วย
  • อุโบสถวัดวังก์วิเวการาม

 

7.วัดใต้น้ำ (วัดวังก์วิเวการามหลังเก่า) ที่เที่ยวสุดUnseen ในดินแดน สังขละบุรี

ล่องเรือชมวัดสุด Unseen ในสังขละบุรี นั่นก็คือ วัดใต้น้ำ หรือวัดวังก์วิเวการามหลังเก่า วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินสูง ที่เรียกว่า สามประสบ ที่นี่จะเป็นจุดที่แม่น้ำ 3 สาย คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และ แม่น้ำรันตี ไหลมารวมกัน จนต่อมาได้มีการก่อสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งน้ำในเขื่อนจะเข้าท่วมตัวอำเภอสังขละบุรีเก่ารวมทั้งวัดนี้ด้วย จนทำให้วัดแห่งนี้ถูกซ่อนเอาไว้ใต้ผืนน้ำมานานนับ 10 ปี   จนเป็นผลให้มีการย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขาแทนเป็น วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่)

วัดเดิมจึงกลายเป็นที่เที่ยวสุดฮิตของที่นี่เลย โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม น้ำในแม่น้ำลดลง เพราะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปในโบสถ์ได้เลยค่ะ แต่ถ้ามาในช่วงอื่นๆ เราจะทำได้แค่ล่องเรือไปในบริเวณใกล้ๆ กับโบสถ์เท่านั้น ถ้าโชคดีก็อาจจะเห็นผนังโบสถ์บางส่วนโผล่พ้นน้ำบ้าง ซึ่งจะเป็นลวดลายศิลปะแบบมอญ ส่วนช่องประตูหน้าต่าง ยังเห็นร่องรอยกรอบของซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลวดลายปราสาทยอดแหลม ส่วนบริเวณด้านนอกโบสถ์จะเห็นเศียรพระหักวางไว้ ส่วนภายในจะยังคงมีรูปถ่ายหลวงพ่ออุตตมะให้นักท่องเที่ยวได้สักการะบูชา แต่ถ้าใครได้ไปในช่วงฤดูหนาว หรือหลังฤดูฝนไปแล้ว การชมวัดใต้น้ำจะทำได้เพียงแค่ล่องเรือไปในบริเวณใกล้ๆ กับโบสถ์เท่านั้น ถ้าโชคดีก็อาจจะเห็นผนังโบสถ์บางส่วนโผล่พ้นน้ำ แต่ถ้าในฤดูน้ำมากก็อาจไม่เห็นเลยค่ะ

หากสนใจไปเที่ยวชมวัดใต้น้ำให้ไปติดต่อเช่าเรือที่บริเวณสะพานไม้มอญได้เลย

 

8. วัดศรีสุวรรณเก่า วัดเก่าแก่กว่า 100 ปีของชาวกะเหรี่ยง ในดินแดน สังขละบุรี

วัดศรีสุวรรณเก่า เป็นวัดของชาวกระเหรี่ยง ซึ่งใครที่ชื่นชอบในประวัติศาสตร์และโบราณสถานล่ะก็ไม่ควรพลาด  วัดแห่งนี้อยู่ใกล้กับสะพานมอญ เราสามารถล่องเรือไปเที่ยวชมสามวัด คือวัดสมเด็จ ที่เป็นวัดไทย วัดวังก็วิเวการาม วัดของชาวมอญ และที่สุดท้าย ก็คือวัดศรีสุวรรณ ที่เป็นวัดของชาวกะเหรี่ยงนั่นเอง

วัดศรีสุวรรณเก่าเป็นวัดที่มีอายุมากที่สุดใน 3 วัด ปกติจะเป็นวัดที่จมอยู่ใต้น้ำ เมื่อน้ำขึ้น จะมีเพียงบางส่วนที่โผล่พ้นเหนือน้ำขึ้นมาหรือบางครั้งอาจท่วมมิดจนมองไม่เห็นเลย แต่ตอนเราไปน้ำแห้งทำให้เห็นถึงพื้นดินด้านล่าง เข้าไปเที่ยวได้เลย

 

9. วัดสมเด็จเก่า วัดเก่าของชาวไทย ในดินแดนสามประสบ

วัดแห่งนี้เป็นวัดของชาวไทยที่อยู่ในสังขละบุรี  แต่วัดแห่งนี้ไม่ได้จมอยุ่ในน้ำเหมือนอีก 2 วัด แต่เป็นวัดที่ถูกปล่อยร้างตอนย้ายอำเภอสังขละบุรี ตอนสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งวัดได้ตั้งอยู่บนเนินเขา ตรงข้ามกับวัดใต้น้ำ แต่จะไปวัดนี้ได้ต้องนั่งเรือไป แล้วเดินขึ้นบันไดไปประมาณ 90-100 เมตร ภายในยังมีพระประธานองค์ใหญ่ให้กราบไหว้สักการะ รอบนอกตัวโบสถ์มีต้นไทรปกคลุมให้ความร่มเย็น และดูขลังในคราวเดียวกัน

 

10. ด่านเจดีย์ 3 องค์ เส้นขีดแดนไทย พม่า แห่งสังขละบุรี

เจดีย์สีขาว 3 องค์ที่ตั้งอยู่ เส้นจุดสิ้นสุดชายแดนตะวันตกระหว่างชายแดนไทย-พม่า เดิมสมัยก่อนเคยเป็นช่องทางเดินทัพที่สำคัญในการทำสงคราม ไทย-พม่า เคยเรียกกันว่า “หินสามกอง” เหตุเพราะเมื่อชาวบ้านเดินผ่านมาเส้นทางนี้ก็มักจะนำหินมาวางสักการะ นานวันจึงกลายเป็นหินกองใหญ่ ต่อมาพระศีลสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรี ได้นำชาวบ้านมาก่อสร้างเจดีย์จากหินกองใหญ่เป็นเจดีย์สามองค์ดังในปัจจุบัน  ซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ 

ในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ที่นี่จะมีความคึกคักมากๆ เต็มไปด้วยพ่อค้า แม่ค้า ทั้งจากฝั่งไทยและเมียนมานำสินค้าต่างๆ เข้ามาขายให้กับนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ เรายังสามารถข้ามชายแดนเข้าไปชม ตลาดพญาตองซู ในเขตประเทศเมียนมาได้อีกด้วย โดยจะต้องทำเอกสารที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสังขละบุรี แต่เราไม่สามารถพักค้างคืนในเมียนมาได้ ต้องกลับเข้ามาฝั่งไทยก่อนด่านปิด เวลา 18.00 น.