7 ที่เดินป่าหน้าฝน สายสวยโหด ที่จะทำให้หัวใจคุณชุ่มฉ่ำกว่าที่เคย

เมื่อน้ำจากฟ้าเริ่มรินไหลจากเบื้องบนสู่พื้นดิน ก็เหมือนปลุกให้มนต์วิเศษของผืนป่ากลับมาร่ายมนต์อีกครั้ง ธรรมชาติในผืนป่าถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล ทุกสรรพสิ่งในผืนป่าเต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ มอส เฟิร์น ตามผืนดินและขอนไม้ถูกแต่งแต้มด้วยจุดสีแดง สีส้ม สีขาวต่างๆ ของเห็ดราเป็นสีสันให้กับผืนป่า สายน้ำสีขาวของน้ำตกที่เคยแห้งขอดไปก็กลับมาเปล่งเสียงขับร้องกล่อมทุกสรรพสิ่งในผืนป่าอีกครั้ง

 และนี่เองที่ทำให้นักเดินป่าหลายๆ คน หลงใหลการเข้าป่าในช่วงหน้าฝน

ช่วงเวลาของการเริ่ม เดินป่าหน้าฝนจะเริ่มเดินกันประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมไปจนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี ยกเว้นว่าหากในปีใดก็ตามเกิดปัญหาภัยแล้ง ฝนไม่ตกมาเป็นระยะเวลายาวนาน ช่วงเวลาของการเดินป่าหน้าฝนก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งวันนี้เราจะขอมาแนะนำ ที่เดินป่าหน้าฝน สายสวยแต่แอบโหด มาให้เหล่าผู้ถวิลหาการผจญภัยได้เก็บลิสต์ในใจกัน


7 ที่เดินป่าหน้าฝน สายสวยโหด ที่จะทำให้หัวใจคุณชุ่มฉ่ำกว่าที่เคย

1 ภูสอยดาว

   ที่เดินป่าหน้าฝน ที่ 1 ในใจตลอดกาลของสายเดินป่า  ด้วยความสวยราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ที่เราจะมีโอกาสได้สัมผัสสักครั้งในช่วงหน้าฝนของปี  ท้องทะเลทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงอ่อนที่กันโยกตัวเบาๆ หยอกล้อเล่นกับสายหมอกจาง ๆ ที่ปกคลุมผืนป่าสน เป็นภาพบรรยากาศ  ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ต้องเป็นภูสอยดาวเท่านั้น  นอกจากนี้ในช่วงหน้าฝนบนภูสอยดาว ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะได้เดินชมน้ำตกสายทิพย์  น้ำตกสีขาวที่ไหลผ่านชั้นหินที่ถูกปกคลุมไปด้วยมอสจนเขียวชอุ่ม จนราวกับมังกรเงินกำลังเลื้อยผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวก็ไม่ปาน

    ใครที่สนใจอยากไปสัมผัสความสวยงามของภูสอยดาวยามหน้าฝนสักครั้ง แนะนำให้เตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะนอกจากความชันของเนินทั้ง 5 ที่เราต้องฝ่าฟันไปแล้ว  เรายังต้องเตรียมตัวเตรียมใจนอนเปียกฝนกันอีกด้วย  เพราะพายุฝนที่นี่เอาหนักเอาเรื่องจริง ๆ

     บริเวณจุดตั้งแค้มป์ด้านบน มีห้องน้ำที่ทางอุทยานเตรียมไว้คอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว  แต่เราต้องไปเช่าถังน้ำจากบ้านพักเจ้าหน้าที่เพื่อไปตักน้ำไว้ใช้ในห้องน้ำกันเองนะ 



2 น้ำตกหมันแดง

เพชรเม็ดงามกลางป่ารอยต่ออุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าและภูทับเบิก น้ำตกแห่งนี้มีทั้งหมด 9 ชั้นใหญ่ ๆ ซึ่งสิ่งที่เป็นไฮไลต์ของ ที่เดินป่าหน้าฝน ที่นี่นอกจากตัวน้ำตกแล้วยังมีดอกลิ้นมังกรสีชมพูซึ่งเป็นดอกไม้เฉพาะถิ่นที่หาพบได้ค่อนข้างยากเบ่งบานเคียงคู่น้ำตกหมันแดงที่ชั้น 5 ซึ่งถือว่าเป็นชั้นที่สวยที่สุดซึ่งมักจะเบ่งบานในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี

ใครที่สนใจอยากไปสัมผัสความงามของเส้นทางเดินป่าน้ำตกหมันแดงสักครั้ง แนะนำให้ติดต่อกับทางอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เพื่อนัดหมายกับเจ้าหน้าที่นำทางไปเสียก่อน  จากนั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับกองทัพน้องทากบุก !!! ที่บอกได้คำเดียวเลยว่า บุกหนักราวกับห่าฝน  !!!

ไฮไลท์ของน้ำตกหมันแดงจะมี 2 จุด คือ ชั้นที่ 5 และชั้นที่ 8  ชั้นที่ 5 นั้นเป็นชั้นที่เป็นดงดอกลิ้นมังกรสีชมพูเบ่งบานเคียงข้างกับชั้นน้ำตกสีขาวใหญ่

ไฮไลท์จุดที่ 2 คือ น้ำตกชั้นที่ 8 ซึ่งเป็นน้ำตกหน้าผาสูง มีน้ำตกไหลลดหลั่นสวยงามมาก จากชั้นนี้ เราจะเดินลงไปยังน้ำตกชั้นที่ 9 แล้วออกไปยังหมู่บ้านหมันขาว แล้วนั่งรถกระบะออกไปยังรีสอร์ทแถวภูทับเบิก หรือ ภูหินร่องกล้า ได้เลย

 

3 ปิตุ๊โกร

ได้เวลาไปมองหัวใจแห่งผืนป่าที่สูงที่สุดในประเทศไทย “น้ำตกปิตุ๊โกร” หัวใจแห่งผืนป่าอุ้มผาง  น้ำตกใหญ่สองสายไหลมาบรรจบกันที่หน้าผาใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงสู่กระแสธารที่ไหลทอดยาวไปตามผืนป่าตะวันตกราวกับเป็นเส้นเลือดที่คอยยหล่อเลี้ยงสรรพสิ่งในที่แห่งนั้น

หัวใจแห่งผืนป่าจะเริ่มปรากฎโฉมให้เราได้เริ่มไปสัมผัสความงดงามกันตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม จนถึงราวต้นเดือนตุลาคม  แต่จะเห็นหัวใจได้เต็มดวงแบบสวยสุด ๆ จะเป็นช่วงเดือนกลางเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม  แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าในปีนั้นฝนจะมา หรือฟ้าจะแล้งกันด้วยนะ

การเดินทางไปยัง ที่เดินป่าหน้าฝน แห่งนี้ เราต้องขับรถฝ่าโค้งกว่าพันโค้ง เพื่อไปยังบ้านกุยเลอตอ  หมู่บ้านของพี่น้องชาวปาเกอะญอที่คอยดูแลรักษาผืนป่าแห่งนี้  จากนั้นเราจึงไปขอให้พี่ ๆ ที่นี่เขาช่วยนำทางพาพวกเราเข้าไปตั้งแค้มป์ในผืนป่าแห่งนี้กัน  ตลอดเส้นทางการเดินไปยังจุดตั้งแค้มป์เราทั้งล้ม ทั้งคลุกกับดินโคลนที่เรียกได้ว่ายิ่งกว่าเละ !!  บางจุดก็ลุยน้ำ  เรียกได้ว่า ต้องเตรียมรองเท้า ถุงเท้ากันมาดี ๆ เลยล่ะ  เมื่อมาถึงจุดตั้งแค้มป์ก็สบายหน่อย  เพราะแค้มป์ส่วนใหญ่จะใกล้ริมลำธาร  เราสามารถมาล้างเนื้อล้างตัวกันได้ จากนั้นจึงค่อยไปตามหาหัวใจแห่งป่ากัน !

 

4 ดอยหลวงตาก

เส้นทางเดินป่าหน้าฝน ที่สันเขาสวยเกินบรรยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามเช้าที่เนินเขาสีเขียวขจีถูกปกคลุมด้วยหมอกจาง ๆสีขาวราวกับอยู่ในเทพนิยายแฟนตาซึ

ดอยหลวงตากนี้เป็นเส้นทางเดินป่าที่อยู่ในจังหวัดตาก ซึ่งระยะการขับรถจากกรุงเทพมายังอำเภอบ้านตากนั้นใช้เวลาเพียงแค่ราว 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น  เรียกว่าไม่ได้ไกลมาก  แต่ระยะการเดินเท้าจากจุดเริ่มเดินไปยังจุดตั้งแค้มป์นั้นใกล้ตา ไกลเท้ามากกว่าในความรู้สึกของใครหลาย ๆ คน  ^^  เพราะเดินขึ้นสันเขาตากแดดจนหน้าจะดำหมดแล้ว ก็ยังไม่ถึงสักที  ฮา  

ระยะทางเดินจากจุดเริ่มเดินจนถึงจุดตั้งแค้มป์เราจะเดินกันราว 11 กิโลเมตร เส้นทางส่วนใหญ่เน้นเดินบนสันเขา ระหว่างทางเราจะเจอวิวเขาสวย ๆ เกือบตลอดทาง และก่อนถึงจุดตั้งแค้มป์เราก็ต้องวางกลยุทธ์การรับมืองกับน้องทากกันเสียก่อน  เพราะเราต้องเดินผ่านป่ากล้วย ซึ่งเป็นบ้านของน้องทากกันราว 15 นาที ก็จะถึงจุดตั้งแค้มป์ของเรากัน

จุดสำคัญที่ควรรู้อีกอย่างคือ บนดอยหลวงตาก ลมแรงมาก แบบมากคูณสอง แรงระดับที่สามารถพัดให้เต็นท์ปลิวได้ O_o ดังนั้น อย่าลืมพกสมอบกไปยึดเต็นท์กันด้วยนะจ๊ะ

ในช่วงยามเย็น เป็นช่วงเวลาที่เราจะไปเก็บภาพอาทิตย์อัสดงลงไปยังทิวภูเขากันที่ผาชมวิวที่เดินจากแค้มป์ขึ้นไปอีกราว 200 เมตร และเลยไปเก็บภาพเนินโล้นหลวง ไฮไลท์ของที่นี่

 

5 น้ำตกตาดวิมานทิพย์

น้ำตกตาดวิมานทิพย์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่กลางผืนป่าอีสานเหนือที่มีอ่างจากุชชี่กลางป่าให้เรานอนแช่น้ำชมวิวผืนป่าบึงกาฬและนครพนม  น้ำตกแห่งนี้มีทั้งหมด 7 ชั้น บริเวณโดยรอบน้ำตกน้ำตกหินทรายแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียว ตลอดเส้นทางเดินป่าไปยังตัวน้ำตกเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าที่หาดูที่อื่นได้ยาก และผ่านจุดชมวิวที่สวยอลังการสุด ๆ แถมกลางคืนยังได้นอนดูดาวกันแบบชัด ๆ อีกด้วย

ช่วงเวลาที่จะได้ยลโฉมน้ำตกแห่งนี้ก็มีช่วงเวลาไม่นานนัก ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเวลาแค่เพียง1 เดือน คือราวช่วงเดือนสิงหาคมเท่านั้น เนื่องจากเป็นน้ำตกหินทราย เมื่อฝนเริ่มขาดช่วง ปริมาณน้ำตกก็จะเริ่มเหือดหายไป

 

6 สายรุ้งละอองดาว

แลสะเก็ดดาวกระจายรอบน้ำตกใหญ่กลางผืนป่าระนอง ที่ ”น้ำตกสายรุ้งละอองดาว” จุดเดินป่าหน้าฝน ที่สายลุยต้องชื่นชอบ และร้องโอดโอย ด้วยเส้นทางการเดินป่าที่ค่อนข้างโหดพอสมควร  เพราะเราต้องลุยข้ามสายน้ำอันเชี่ยวกราก ฝ่าดงน้องทาก และเดินฝ่าแรงโน้มถ่วงโลกแบบยาว ๆ เป็นชั่วโมงกว่าจะได้พบกับสายน้ำสีขาวนวลขนาดใหญ่ไหลจากหน้าผาใหญ่กระทบผ่านหินดังกึกก้องจนมีสะเก็ดละอองน้ำฟู่ฟ่องเต็มไปหมดราวกับเป็นสะเก็ดละอองดาว   และหากมองดีๆ เราอาจเจอรุ้งตัวอ้วนกำลังกินน้ำอยู่ก็เป็นได้

ใครที่สนใจอยากไปเดินป่าเส้นนี้ ให้ติดต่อไปที่หน่วยพิทักษ์ป่าเชี่ยวเหลียง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา  เนื่องจากที่นี่มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ดังนั้นเราจึงต้องจองช่วงเวลาและติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางและทีมพี่ ๆลูกหาบไว้ก่อนเดินทาง  สำหรับการเตรียมตัวไปเดินป่าเส้นนี้แนะนำให้แพ็คสัมภาระกันน้ำให้เต็มพิกัด ส่วนอุปกรณ์การนอนแนะนำให้เป็นเปลจะคล่องตัวกว่าเต็นท์เป็นอย่างมาก

 

7 ภูเข้

ที่เดินป่าหน้าฝน สีเขียวฉ่ำปอดแห่งจังหวัดน่าน เส้นทางรอยต่อสองแผ่นดินไทยลาว สุดท้าทายกำลังขาเหล่านักท่องไพรให้เดินลัดเลาะไปตามเส้นทาง “ยอดเขาสูงแห่งเทือกเขาหลวงพระบาง” ที่สูงถึง 2079 เมตร ที่เต็มไปด้วยตำนานแห่งขุนเขาในดินแดนคอมมิวนิสต์

ผืนป่าแห่งนี้เริ่มแรกเริ่มเดินจากหมู่บ้านที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ตีนเชิงเขา เราจะได้เห็นวิวภูเขาที่มีสีเขียวอ่อนบ้างเขียวบ้างราวกับโมเสคผืนใหญ่  ซึ่งเป็นภาพที่เราจะเจอได้ที่นี่เท่านั้น  แต่เมื่อเราเริ่มเดินเข้าป่าไปลึก ๆ แล้ว  เราจะพบกับผืนป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใส่เสื้อ มอส เฟิร์น เป็น“ดงผืนป่าโบราณ”ขนาดใหญ่ ในยามเช้าจะมีหมอกจางๆปกคลุมทั่วทั้งผืนป่า จนดูราวกับเป็นดินแดนสนธยาอันแสนลี้ลับ 

เส้นทางเดินป่าที่นี่ เป็นเส้นทางที่ไม่มีจุดตั้งแค้มป์ หรือเส้นทางเดินแน่นอนตายตัว  ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการนำทางของพี่คนนำทางในหมู่บ้านจะพาเราไป  โดยพี่คนนำทางจะดูจากว่าพวกเรามีฝีเท้าการเดินไวแค่ไหน หรือเดินกันได้ถึกแค่ไหน   ดังนั้นใครที่คิดอยากไปลองฝีเท้าที่นี่ ฟิตร่างกายให้ดีๆก่อนไปนะ