ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวสำหรับพาคนรู้ใจ หรือครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เติมความสุขให้กันอย่างไม่ลำบากใจเรื่องลางาน บทความนี้เราจะมาแนะนำ ที่เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพฯ พร้อมกับกิจกรรมที่จะมาเติมรอยยิ้มและประสบการณ์อันแสนวิเศษกันค่ะ

 

5 จุดเที่ยว ทะเลใกล้กรุงเทพฯ กับกิจกรรมแสนวิเศษ
ที่ควรพาคนรู้ใจไปวันหยุด

 

1. ล่องเรือหาหอย ชมวิถีประมง ชมทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแสร์

ทุ่งโปรงทอง

พอพูดถึงระยอง หลายคนมักจะนึกถึง เกาะเสม็ด และรูปปั้นนางผีเสื้อสมุทรกลางทะเล  แต่รอบนี้เราจะมาแนะนำอีก 1 จุดเที่ยว ทะเลใกล้กรุงเทพฯ ในจังหวัดระยอง "ชุมชนปากน้ำประแสร์"

"ชุมชนปากน้ำประแสร์" เป็นชุมชนโบราณที่มีทั้งชาวไทยและชาวจีนอาศัยอยู่ร่วมกันตั้งแต่สมัยอยุธยา น้ำท่าข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ บ้านเรือนปัจจุบันมีทั้งเป็นอาคารเรือนไม้และแบบปูน ทั้งติดริมน้ำและไม่ติดริมน้ำ ปัจจุบันทางชุมชนได้ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ให้เป็นจุดท่องเที่ยวโดยชุมชน  มีโฮมสเตย์ที่เป็นของชาวบ้านเองหลายหลัง ร้านอาหารทะเลท้องถิ่นสด ๆ ให้เลือกชิมหลายร้าน  หากใครอยากย้อนบรรยากาศกลับไปยุคเก่า ๆ อันแสนคลาสสิคแนะนำให้เดินทางไปถึงชุมชนเช้า ๆ หน่อยสัก 7-8  โมงเช้า  หรือถ้าเดินทางไม่ทัน แนะนำว่าให้ค้างคืนที่โฮมสเตย์ไปเลย 1 คืน  ช่วงเช้า ๆให้นั่งรถสามล้อของชุมชนเที่ยวชมตลาดเช้า เราจะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ที่ยังยึดอาชีพประมงเป็นหลัก อีกทั้งบรรยากาศของบ้านเรือนในตลาดที่ยังคงเป็นเรือนแถวไม้เก่าแก่สวย ๆ เรียงติดกัน ดูความคลาสสิคสุด ๆ ถูกใจคนชอบบรรยากาศเก่าๆ แน่นอน  และเราอาจติดเรือประมงไปกับเจ้าบ้านไปเรียนรู้การหาหอย  ดุนเคย ช่วงเช้า ๆ กับเจ้าบ้านได้อีกด้วย  ซึ่งการขูดหาหอยตลับของที่นี่ยังคงเป็นวิถีแบบดั้งเดิมคือใช้คราดมือเล็กๆ ขูดไปที่พื้นทราย  พอเราเห็นตัวหอยโผล่จากพื้นทรายก็เก็บใส่ถุง เอาเท่าที่เราพอทาน ซึ่งเราสามารถนำไปทำกับข้าวทานกับเจ้าบ้าน หรือปิ้งย่างกินตอนเย็นๆ พลางชมวิวปากน้ำ ก็จัดได้ตามความต้องการเลยจ้า 

จากนั้น นั่งเรือไปยังสะพานเดินเที่ยวชมทุ่งโปรงทอง  เส้นทางป่าชายเลนที่มีทั้งต้นแสม ตะบูนดำ ลำพูน โกงกาง โปรงแดง โปรงทอง ระยะทางของสะพานไม้จะอยู่ราว ๆ 1 กิโลเมตร  ซึ่งตลอดเส้นทางเราอาจพบเหล่านักแสดง ปูก้ามดาบมาโชว์นิ้วดีดเพลง  ปลาตีนมาเต้นวาดลวดลายเบรคแดนซ์

ช่วงเวลาที่เราจะได้เห็นรอบตัว ๆล้อมไปด้วยแสงสีทองจากแสงอาทิตย์ต้องใบโปรงทอง คือ ช่วงเช้า และช่วงบ่ายแก่ ๆ ดังนั้น กะเวลาไปเที่ยวกันให้ดีนะคะ  อ้อ อย่าลืมแวะไปเช็คอินกับต้นแสมยักษ์ ที่แผ่กิ่งก้านได้สวยงามราวกับรอต้อนรับผู้มาเยือนค่ะ

 

การเดินทางมายัง ชุมชนปากน้ำประแสร์ ก็ไม่ยาก  และถือว่าใกล้มากสำหรับกรุงเทพฯ  เพราะใช้เวลาในการเดินทางราว 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น   ให้เราขับรถมาตามเส้นสุขุมวิท วิ่งตรงไปทางแกลง-จันทบุรี ห่างจากแยกแกลงประมาณ12 กิโลเมตร เลี้ยวขวาตามป้ายบอกทางปากน้ำประแส ช่วงโค้งผ่านโรงเรียนชุมชนวัดตะเคียนงาม มีป้ายบอกทางเข้าทุ่งโปรงทองซ้ายมือ (เป็นซอยข้างวัดตะเคียนงาม) เลี้ยวเข้าไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร  หากใครสนใจทำพักโฮมสเตย์และทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในชุมชน สามารถติดต่อไปที่เพจท่องเที่ยววิถีชุมชนตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยอง หรือ โทร.084 088 4768  ได้เลยค่ะ

 

2. ปั่นจักรยานเลียบชายทะเลที่สวยที่สุดแล้วไปหยุดที่ หาดคุ้งวิมาน จันทบุรี

หาดคุ้งวิมาน

ปั่นจักรยานรับพลังงานจากสายลมเย็น ๆ ที่ปะทะหน้าอย่างแผ่วเบา พลางชมทัศนียภาพอันแสนงดงามของท้องทะเลจันทบุรี แบบแนบชิดบนเส้นทางที่คดโค้งไปมาของถนนเลียบชายทะเลที่เรียกได้ว่า สวยถึงขนาดถูกจัดให้เป็น  1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวของ Dream destinations ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำให้มาเที่ยว "ถนนบูรพาชลทิต"  ถนนเลียบชายหาดทะเลจันท์เส้นนี้จะพาให้คุณไปจุดชมวิวสวยๆ หลายแห่งไม่ว่าจะเป็น หาดแหลมสน ปากน้ำจันทบุรี จุดชมวิวเนินนางพญาแหลมสิงห์  อ่าวคุ้งกระเบน  รวมไปถึงหาดคุ้งวิมาน  ทะเลใกล้กรุงเทพฯ ที่มีน้ำใส และเป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดจันทบุรี   บริเวณชายหาดคุ้งวิมานมีบริการให้เช่าห่วงยางสำหรับเล่นน้ำ และด้านบนชายหาดมีร้านอาหารทะเลสดๆ ให้บริการหลายร้าน

เวลาที่เหมาะสมในการปั่นจักรยานตามเส้นทางสายโรแมนติคเส้นนี้คือช่วงเช้า หรือช่วงเย็น ๆ เพราะอากาศยังไม่ร้อนมาก  และเราจะได้เห็นแสงสีทองจากดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ โผล่พ้นจากท้องทะเล หรือแสงสีส้มยามเย็นของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไป

สำหรับใครที่อยากลองมาสัมผัสเส้นในฝันของถนนเส้นนี้  แนะนำให้จองที่พักแถวแหลมสิงห์  คุ้งวิมาน หรือแถวหาดเจ้าหลาว สามารถเลือกที่พักตามความใกล้ไกลของระยะทางที่เราอยากจะปั่นชมวิวได้เลย  การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาไม่นานเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น

หากเดินทางมาพักที่รีสอร์ทช่วงเย็นวันศุกร์  เช้าวันเสาร์ปั่นจักรยานชมวิวทะเลในฝัน ลิ้มรสอาหารทะเลสด ๆ จนพุงกาง วันอาทิตย์นอนชมวิวทะเลชิลล์ ๆ ก่อนกลับกรุงเทพฯ ก็ถือว่าเป็นทริปวันหยุดที่ได้ชาร์จแบตให้ร่างกายได้คุ้มค่าเลยทีเดียว

 

3. พายเรือคายัค  นั่งเรือกอนโดราบ้านสลักคอก  เกาะช้างใต้  จ.ตราด

เกาะช้าง

อีก 1 จุดที่ เที่ยวทะเลใกล้กรุงเทพฯ ที่เราไม่อยากให้พลาดเลยก็คือ เกาะช้าง จ.ตราด เกาะใหญ่แห่งท้องทะเลตะวันออก ที่มีแหล่งท่องเที่ยวรอบเกาะ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไม่ว่าจะเป็นชายหาดสีขาว ทะเลสีคราม และน้ำตกใหญ่ 

ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะช้าง มักจะเป็นทางชายหาดทางฝั่งขวาของเกาะ   แต่บทความนี้เราจะขอพาทุกท่านเดินทางไปฝั่งซ้ายของเกาะช้างหรือ เกาะช้างใต้ นั่นเอง  หากใครที่เคยได้ลองไปเยือน ทะเลเกาะช้างทางฝั่งขวามาแล้ว  เมื่อเดินทางมาถึงทางฝั่งใต้ อาจจะรู้สึกแปลกหูแปลกตาเล็กน้อยว่าเรามาเที่ยวบนเกาะเดียวกันหรือเปล่านะ  ?

หากฝั่งขวาคือชายหาดสีขาว ทะเลสีครามของความศิวิไลซ์  ฝั่งใต้ของเกาะช้างคือทะเลแห่งวิถีลูกประมงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของความอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าชายเลน ข้าว ปลาอาหาร และน้ำใจของผู้คน  

หากเราเดินทางจากกรุงเทพฯ ให้ขับรถมุ่งหน้าไปยังท่าเรืออ่าวธรรมชาติ  ซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วขับรถขึ้นบนเรือเฟอรี่ได้เลย  เรือจะพาเรามุ่งหน้าไปยังท่าเรืออ่าวสับปะรด เมื่อเรือจอดเทียบท่าแล้ว ให้ขับรถขึ้นเกาะช้าง แล้วเลี้ยวไปทางฝั่งซ้ายมือ  หรือจำง่าย ๆ ว่า "เกาะช้าง เลี้ยวซ้าย"  จากนั้น ให้ขับตรงไปประมาณ 18 กิโลเมตร จะพบทางสามแยกวัดวัชคามคชทวีป ให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นขับตรงไป 1 กิโลเมตร จะพบทางสามแยกศูนย์โอท็อปตราด ให้เลี้ยวซ้ายไป 500 เมตร จะพบจุดจอดรถบริเวณร้านสลักคอกซีฟู้ด ให้จอดรถบริเวณนี้ หรือสามารถ GPS "ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก" ได้เลย 

บ้านสลักคอกนี้ มีพื้นที่ติดกับคลองที่ถูกขนาบด้วยผืนป่าชายเลนขนาดใหญ่ โดยคลองเส้นนี้สามารถล่องเรือออกทะเลได้   ผู้คนในชุมชนแห่งนี้ยังคงยึดอาชีพประมงเป็นหลัก  แต่ได้รวมกลุ่มกันทำการท่องเที่ยวเพื่อชุมชนขึ้นมาเพื่อเป็นรายได้เสริม และมุ่งหวังใช้การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชน  ซึ่งกิจกรรมที่ทางชุมชนร่วมกันพัฒนาขึ้นมาก็คือ "นั่งเรือมาด ชมวิวป่าชายเลนบ้านสลักคอก" 

ตัวต้นแบบเรือมาดนั้นเป็นเรือพื้นบ้านดั้งเดิมจากจังหวัดอยุธยา แจวหลักคู่  มีเก้าอี้พนักพิงให้นั่ง 2 ข้าง มีโต๊ะอยู่ตรงกลาง 1 ลำ สามารถ นั่งได้ 4 คน แต่ละลำจะมีร่มสีขาวเสริมความโรแมนติคให้บรรยากาศการล่องเรือ จนได้รับสมญานามว่า “เรือกอนโดลาเกาะช้าง"  แต่ไม่ใช่ว่าใครไปถึงที่แล้วจะได้นั่งเรือมาดกันทุกคนนะคะ  เพราะเรือมาดนั้นมีจำกัด และจำนวนของฝีพายก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของชาวบ้านที่ว่างจากงานในวันนั้น ๆ ด้วยชาวบ้านเขาคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับ และไม่เอาเงินเป็นตัวตั้ง  แต่หากใครพลาดจากการนั่งเรือมาดก็ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ  เพราะทางชุมชนได้เตรียมเรือคายัคให้เราได้พายชมบรรยากาศป่าชายเลนด้วยตัวเองอย่างช้าๆปนความตื่นเต้นจากการโต้คลื่นเล็ก ๆ ตลอดสายคลองยาวไปออกทะเล  หากใครต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจ ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก เกาะช้างใต้ หรือโทร.087-7489497, 083-1155677

 

4. แล่นเรือใบไปติดเกาะสไตล์คน Low carbon ที่เกาะหมาก  จ.ตราด

เกาะหมาก

จุดเที่ยว ทะเลใกล้กรุงเทพฯ ที่จะแนะนำต่อไปนี้ รับรองว่าต้องถูกใจนักท่องเที่ยวสายกรีนและรักษ์โลกอย่างแน่นอน เพราะที่นี่เขาถือว่าเป็นต้นแบบ low carbon destination เลยทีเดียว  ที่ ๆ เรากำลังเล่าอยู่นี้คือ "เกาะหมาก"

เกาะหมาก อยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด  เป็นเกาะที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจังหวัดตราด  รูปร่างของเกาะหากมองจากแผนที่ด้านบนลงมาจะคล้ายกับมังกรกางปีกบิน

จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวสไตล์ Low carbon นี้ เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของผู้ประกอบการและคนในชุมชน รวมถึงนักท่องเที่ยวเองด้วย  โดยเจ้าของรีสอร์ท ร้านอาหาร บนเกาะหมากได้หันมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ น้ำในสระว่ายน้ำของหลายๆ รีสอร์ทก็ใช้พลังงานจากโซล่าเซลล์ในการทำความสะอาด ในช่วงเวลาบ่าย ๆ ทั้งเกาะจะถือว่าเป็นช่วง  happy hour คือ ช่วงเวลาที่เชิญชวนนักท่องเที่ยวปิดแอร์ ปิดไฟ ช่วงบ่ายๆ ออกมาท่องเที่ยวชมเกาะ โดยลดค่าบริการอาหาร เครื่องดื่ม กิจกรรมต่างๆ

กิจกรรมทางน้ำบนเกาะหมากนี้จะเน้นพลังงานสะอาด ที่เป็นHightlightและต้องลองให้ได้สักครั้งเลยก็คือ แล่นเรือใบกลางทะเล  โดยแล่นจากเกาะหมากไปยังเกาะขาม

เราจะไปเริ่มแล่นเรือกันที่บริเวณอ่าวสวนใหญ่ด้วยเพราะลมไม่แรงคลื่นไม่สูง น้ำไม่ลึกมาก ทิวทัศน์สวย อยู่ไม่ไกลจากเกาะขามมาก ราว ๆ 2 กิโลเมตรเท่านั้น  จึงเป็นส่วนที่เหมาะและปลอดภัยในการปล่อยกายและใจเป็นส่วนเดียวกับสายลมระหว่างที่แล่นเรือใบกลางทะเล  เมื่อเรือเดินทางมาถึงเกาะขาม ก็ได้เวลาเดินทอดน่องไปตามชายหาดสีขาวนวล หรือจะนั่งพักฟังเสียงคลื่นก็สุดแสนจะฟิน  ได้เวลาสมควรก็แล่นเรือใบกลับมายังเกาะหมาก  เมื่อถึงท่าเรือที่ Koh Mak Cococape Resort อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มเย็น ๆ จากทางรีสอร์ทมานั่งจิบให้ชื่นใจพลางชมวิวทะเลยามเย็นบนสะพานไม้แสนสวยกันด้วยนะจ๊ะ 

การเดินทางไปเกาะหมากนั้น หากเราเริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพให้ปักหมุดไปที่ แหลมงอบ ตรงท่าเรือกรมหลวงชุมพรฯ โดยจะมีเรือเร็ววันละ 16 เที่ยว ไป 8 เที่ยว กลับ 8 เที่ยว ขาไปเที่ยวแรกสุด 10.30 เที่ยวสุดท้าย 16.00

ขากลับเที่ยวแรกสุด 8.00 เที่ยวสุดท้าย 13.30  สามารถดูข้อมูลบริษัทเรือที่ให้บริการพาไปเกาะหมาก พร้อมตารางเวลาที่จากที่ลิ้งค์นี้เลย >>https://ferryadvice.com/th/island-timetable/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81-koh-mak   

 

5. ดำน้ำดูปะการัง เกาะจาน เกาะท้ายทรีย์  แค้มปิ้งกลางป่าสนริมทะเล ประจวบคีรีขันธ์

เกาะจาน เกาะท้ายทรีย์ อีก 1 จุด ทะเลใกล้กรุงเทพฯ น้องใหม่ที่กำลังมาแรงมาก ๆ ด้วยความใสราวกับกระจกของน้ำทะเล ใต้ท้องทะเลนั้นถูกประดับประดาด้วยเหล่าปะการังพุ่มดอกไม้ ปะการังโต๊ะ ปะการังถ้วยสีส้ม ปะการังผักกาดใบใหญ่

ปะการังดอกกระหล่ำ ปะการังโขด หลากสีสัน หลายรูปทรง ราวกับเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยประชากรปลาหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่รวมกัน  ไม่ว่าจะเป็น ปลานกแก้ว ปลาผีเสื้อปากยาว หอยมือเสือ ปลาการ์ตูนอินเดียแดง ปลากระเบนจุดฟ้า

ชวนให้เหล่าผู้มาเยือนอย่างเรา ๆ เพลินไปกับการก้มหน้ามองความสวยงามของโลกสีคราม

เกาะแห่งนี้ เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาดำน้ำเที่ยวชมความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ทะเลเมื่อราว 2-3 ปีก่อน  โดยอยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดวนกร  ซึ่งเกาะแห่งนี้อยู่ห่างจากฝั่งที่ทำการอุทยานฯประมาณ 15 นาทีด้วยเรือสปีดโบ้ท

ช่วงเวลาที่เหมาะไปดำน้ำคือช่วง 10.00 น. – 12.00 น  ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำให้เดินทางจากกรุงเทพฯในช่วงเย็น ๆ ของวันศุกร์ แล้วมากางเต็นท์นอนฟังเสียงคลื่นเบา ๆ ที่หาดวนกรกันก่อน ระยะเวลาในการขับรถจากกรุงเทพฯ ถึงที่ทำการอุทยาน

ชายหาดวนกรใช้เวลาราว 4 ชั่วโมงเท่านั้น  เมื่อถึงเช้าวันเสาร์เราจะได้มีโอกาสตื่นมารับแสงยามเช้าริมทะเลชิลล์ๆ อย่างที่ไม่ค่อยได้มองอาทิตย์สวยๆบ่อยนักในชีวิตประจำวัน สายหน่อยจึงค่อยนั่งเรือไปชมความงามที่เกาะจาน

เกาะท้ายทรีย์  โดยเราจะดำน้ำบริเวณหน้าเกาะและอยู่บนชายหาดเท่านั้น เพราะด้านบนเกาะเป็นสัมปทานรังนกนางเเอ่น  ทางเจ้าหน้าที่อุทยานจะพาเราดำน้ำอย่างเต็มอิ่มราว 3 ชั่วโมง  จากนั้นจึงเดินทางกลับมายังชายหาดวนกร เพื่อนอนเล่นพักผ่อนชิลล์ๆ นั่งเล่นชมพระอาทิตย์ตกริมชายหาด  เรียกได้ว่า เป็นทริปทะเลที่ถูกใจสายแค้มปิ้งแน่นอน

หากใครที่สนใจ อยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อเรื่องที่พักและเรือพาไปดำน้ำ สามารถติดต่อได้ที่เพจ Hatwanakorn National Park อุทยานแห่งชาติหาดวนกร จ.ประจวบคีรีขันธ์  หรือ โทร.  0-3261-9030 , 081-944-9956 ได้เลย